ขั้นตอนการทำ :

1.นำถั่วลูกไก่แช่น้ำเปล่าทิ้งไว้ขั้นต่ำ ต่ำ 12 ชั่วโมง

2.หลังครบเวลาให้นำถั่วลูกไก่ไปล่างน้ำหลายๆรอบจบจนสะอาด

3.ตั้งหม้อ ใช่ไฟแรง ใส่ถั่วและเกลือปันเล็กน้อยลงไปด้มในน้ำเปล่า ประมาณ 40 นาที

(หากน้ำในหม้อเริ่มแห้ง ให้เดิมน้ำลงไปเพิ่มได้)

4.เมื่อครบเวลา ลองใช้ล้อมจิ้มทะล แสดงว่าถั่วสุกดีแล้ว

5.เสร็จเรียบร้อย นำถั่วไปประกอบอาหารหรือทานเล่นตามชอบ (ถั่วที่ต้มเสร็จแล้ว

สะเด็ดน้ำออกให้หมด สามารถนำไปแช่ตู้เย็นอยู่ได้ 1 สัปดาห์)

เนื่องจากถั่วลูกไก่เป็นพืชที่สามารถเติบโตได้เป็นอย่างดีในประเทศไทย ทำให้สามารถหาซื้อได้ง่าย ๆ ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป ภายในพืชชนิดนี้ถือว่าเป็นพืช “จิ๋วแต่แจ๋ว” เนื่องจากภายในเมล็ดเล็ก ๆ เหล่านี้ มีสารอาหารที่มีประโยชน์มากมาย แถมยังมาพร้อมกับรสชาติที่หอมมัน ไม่เหม็นเขียว มีรสชาติที่ค่อนข้างเฉพาะตัวพอสมควร เพราะเหตุนี้จึงมักพบถั่วชนิดนี้อยู่ในอาหารหลาย ๆ ชนิดนั่นเอง ในส่วนของคุณประโยชน์ของถั่วชนิดนี้ก็มีอยู่หลายต่อหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น

⦁ มีส่วนช่วยสำหรับผู้ลดน้ำหนัก มีไฟเบอร์สูง ทานแล้วอยู่ท้องเป็นเวลานาน พร้อมกับจำนวนแคลอรี่ที่น้อยอีกด้วย
⦁ เป็นแหล่งรวมของโปรตีนจากพืช เป็นอาหารมังสวิรัติที่มอบโปรตีนให้อย่างมหาศาล ทดแทนเนื้อสัตว์ได้เลยทีเดียว
⦁ ช่วยให้ระบบทางย่อยอาหารทำงานได้ดี เนื่องด้วยจำนวนไฟเบอร์ที่มีอยู่สูงมาก ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้เป็นอย่างดี ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียดีในลำไส้ได้อีกด้วย
⦁ เสริมสร้างมวลกระดูกให้แข็งแรง ถั่วลูกไก่มีแคลเซียมและแมกนีเซียมอยู่เป็นจำนวนมาก ช่วยทำให้กระดูกแข็งแรง ป้องกันปัญหากระดูกพรุนได้อย่างตรงจุด
⦁ ต้านมะเร็งได้บางชนิด ด้วยสาร “ซาโปนิน” ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี พร้อมกับสามารถกำจัดเซลล์มะเร็งบางชนิดได้อีกด้วย

แต่อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งบนโลกต่างก็มี 2 ด้าน นอกจากคุณประโยชน์ต่าง ๆ ที่เราได้นำเสนอไปข้างต้น ก็มีโทษของถั่วลูกไก่ที่ต้องระวังเอาไว้เช่นเดียวกัน ซึ่งนั่นก็คือ ไม่ควรนำมาทานดิบ ๆ โดยไม่ผ่านกระบวนการทำให้สุก เพราะส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหาร เนื่องจากย่อยยาก ส่งผลต่อการทำงานของระบบย่อยอาหารที่ต้องทำงานหนัก เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ไม่สบายตัวได้

• น้ำหนัก: 600 กรัม